...มักจะเป็นประโยคติดปากแม่ ที่ชอบทิ้งท้ายบทสนทนาก่อนจะเดินจากไปทำภารกิจอื่นๆ ภายในบ้าน ซึ่งไม่ว่าจะปัญหาเรื่องไหนๆ ที่เล่าให้แม่ฟัง จะด้วยความขับแค้นใจ น้อยใจ หรือปวดใจ แม่ก็มักจะรับฟังและข้อแนะนำ(แบบฮาร์ดคอร์และอารมณ์จัดจ้าน)ฟังแล้วแบบ...แม่ใช้ไดเกียวเปล่าเนี่ย เครื่องติดง่ายจัง ฮ่าๆๆๆ
ตลอดเวลาที่ผ่านต้าไม่เคยเข้าใจหรอกว่าทำไมแม่ต้องใส่อารมณ์นักหนาหนอ ปัญหาของเราแท้.. ทำไมแม่ต้องมีอารมณ์เบอร์นี้ แต่โตขึ้นมาก็พอเข้าใจแหละ ยิ่งแกเป็นห่วงเรามาก ปัญหาในชีวิตของต้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่แม่อินมากๆ จนอยากเข้ามาช่วยเหลือมีส่วนร่วมด้วย
อีกมุมหนึ่ง เมื่อเราโตขึ้น แม่ก็คงรู้เหมือนกันว่าเราคงต้องหาทางดำเนินการแก้ปัญหาด้วยตัวเองให้ได้ แม้จะเป็นห่วงหรืออินกับปัญหาที่เราเจอมากแค่ไหน ก็ต้องข่มใจและปล่อยให้เราแก้ปัญหาเอง ทำให้บางทีอารมณ์และความรู้สึกของเราหลายๆ คระง มันถอนตัวออกมาไม่ได้ สุดท้าย...ก็เครียดจัด
ทุกครั้งที่เป็นอย่างนี้ แม่ก็มักจะพูดว่า "ทำชีวิตให้เหมือนเกมที่เล่นสิ" ซึ่งน่าแปลกนะ ต้าจะขมวดคิ้วทุกครั้งที่ได้ยิน เพราะแม่เนี่ยนะ?.... แม่ผู้ซึ่งไม่เคยแตะเครื่องเพลย์ กลับใช้ประโยคนี้สอนเรา?
มันคาใจมากๆ จนกระทั่งในช่วงสุดท้ายที่แม่อยู่ใน รพ. เราได้มีโอกาสคุยกับแม่หลายเรื่องมาก หลายเรื่องดีใจมากที่ได้คุย(ส่วนหลายเรื่องช็อกมากที่ได้ยิน ฮ่าๆๆๆ) ก็เลยถามแม่ว่า "ทำไมแม่ถึงชอบทิ้งท้ายว่าทำชีวิตให้เหมือนเกมล่ะ" แม่ยิ้มๆ ก่อนจะตอบว่า "นานแล้วเนี่ยนะ เพิ่งจะถาม..."
แม่บอกว่า ต้าชอบเล่นเกม(มาก) เกมกด เกมเกียร์ เกมพัซเซิ่ล เกมเตอติ๊ด ต่อคำ พัฒนาจนกลายเป็นเครื่องเพลย์ แม่เคยนั่งดูเราเล่นเกม เจอด่านยากๆ มาเยอะแยะ ตายบ้าง พลาด แต่ก็กลับมาเริ่มใหม่ได้ แม่เลยอยากเปรียบเทียบให้เห็นว่า ปัญหาก็เหมือนเกมด้านนึง ถ้าเราผ่านมาได้ก็จะกลายเป็นประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่ง ถึงไม่ดีมากแต่เราก็จะได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง
อีกนัยนึงที่แม่ชอบพูดทิ้งท้าย เพราะเขาอยากให้เรามองปัญหาเป็นเกมด่านนึง ที่พอเราผ่านมาได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง ....ยิ้มเข้าไว้ แล้วรอตื่นเต้นกับด่านต่อไปดีกว่า ^_^
น่าเสียดายที่วันนี้แม่ไม่อยู่แล้ว คงยังมีอีกหลายๆ คำพูดที่แม่จะคอยสอนเราอยู่เสมอๆ แม้จะไม่มีวันนั้นย้อนคืนกลับมา แต่ความทรงจำดีๆ ไม่เคยจางหายไปไหนนะแม่
...ต้าสัญญากับแม่ไว้ว่า "ต้าจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ด้วยความสามารถและแบบฉบับของต้าเอง" ให้กำลังใจต้าด้วยนะครับแม่...
รักและคิดถึงอย่างยิ่ง
#Apota
ตลอดเวลาที่ผ่านต้าไม่เคยเข้าใจหรอกว่าทำไมแม่ต้องใส่อารมณ์นักหนาหนอ ปัญหาของเราแท้.. ทำไมแม่ต้องมีอารมณ์เบอร์นี้ แต่โตขึ้นมาก็พอเข้าใจแหละ ยิ่งแกเป็นห่วงเรามาก ปัญหาในชีวิตของต้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่แม่อินมากๆ จนอยากเข้ามาช่วยเหลือมีส่วนร่วมด้วย
อีกมุมหนึ่ง เมื่อเราโตขึ้น แม่ก็คงรู้เหมือนกันว่าเราคงต้องหาทางดำเนินการแก้ปัญหาด้วยตัวเองให้ได้ แม้จะเป็นห่วงหรืออินกับปัญหาที่เราเจอมากแค่ไหน ก็ต้องข่มใจและปล่อยให้เราแก้ปัญหาเอง ทำให้บางทีอารมณ์และความรู้สึกของเราหลายๆ คระง มันถอนตัวออกมาไม่ได้ สุดท้าย...ก็เครียดจัด
ทุกครั้งที่เป็นอย่างนี้ แม่ก็มักจะพูดว่า "ทำชีวิตให้เหมือนเกมที่เล่นสิ" ซึ่งน่าแปลกนะ ต้าจะขมวดคิ้วทุกครั้งที่ได้ยิน เพราะแม่เนี่ยนะ?.... แม่ผู้ซึ่งไม่เคยแตะเครื่องเพลย์ กลับใช้ประโยคนี้สอนเรา?
มันคาใจมากๆ จนกระทั่งในช่วงสุดท้ายที่แม่อยู่ใน รพ. เราได้มีโอกาสคุยกับแม่หลายเรื่องมาก หลายเรื่องดีใจมากที่ได้คุย(ส่วนหลายเรื่องช็อกมากที่ได้ยิน ฮ่าๆๆๆ) ก็เลยถามแม่ว่า "ทำไมแม่ถึงชอบทิ้งท้ายว่าทำชีวิตให้เหมือนเกมล่ะ" แม่ยิ้มๆ ก่อนจะตอบว่า "นานแล้วเนี่ยนะ เพิ่งจะถาม..."
แม่บอกว่า ต้าชอบเล่นเกม(มาก) เกมกด เกมเกียร์ เกมพัซเซิ่ล เกมเตอติ๊ด ต่อคำ พัฒนาจนกลายเป็นเครื่องเพลย์ แม่เคยนั่งดูเราเล่นเกม เจอด่านยากๆ มาเยอะแยะ ตายบ้าง พลาด แต่ก็กลับมาเริ่มใหม่ได้ แม่เลยอยากเปรียบเทียบให้เห็นว่า ปัญหาก็เหมือนเกมด้านนึง ถ้าเราผ่านมาได้ก็จะกลายเป็นประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่ง ถึงไม่ดีมากแต่เราก็จะได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง
อีกนัยนึงที่แม่ชอบพูดทิ้งท้าย เพราะเขาอยากให้เรามองปัญหาเป็นเกมด่านนึง ที่พอเราผ่านมาได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง ....ยิ้มเข้าไว้ แล้วรอตื่นเต้นกับด่านต่อไปดีกว่า ^_^
น่าเสียดายที่วันนี้แม่ไม่อยู่แล้ว คงยังมีอีกหลายๆ คำพูดที่แม่จะคอยสอนเราอยู่เสมอๆ แม้จะไม่มีวันนั้นย้อนคืนกลับมา แต่ความทรงจำดีๆ ไม่เคยจางหายไปไหนนะแม่
...ต้าสัญญากับแม่ไว้ว่า "ต้าจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ด้วยความสามารถและแบบฉบับของต้าเอง" ให้กำลังใจต้าด้วยนะครับแม่...
รักและคิดถึงอย่างยิ่ง
#Apota
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น