#SpeakEnglishPlease



เช้าวันหนึ่ง ต้าได้เจอเพื่อนที่รถไฟฟ้าเลยเดินเข้าไปทักตามประสา ผลปรากฏว่า นางสปีกอิงลิชใส่เรารัวๆ ....เชี่ย ทักผิดคนป่าววะ แต่นางบอกเป็นภาษาอังกฤษว่า "ไม่หรอก กูเนี่ยแหละเพื่อนมึงเองค่ะ!" เราก็ขมวดคิ้วถามไปว่าแล้วแกพูดภาษาปะกิตใส่เราทำไม? นางเลยชี้ไปที่การ์ดนึงที่ใส่ไว้ตรงตำแหน่งที่เราคิดว่าเป็นบัตร พนง. ส่งมาให้อ่าน ได้ความว่า...


"สวัสดีค่ะ วันนี้ คือ #EnglishDay กิจกรรมการฝึกภาษาอังกฤษของดิชั้น ซึ่งเป็นกิจกรรมประกอบการเรียนภาษาอังกฤษของโรงเรียน XXX โดยในทุกๆ วัน English Day ดิชั้นต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษตลอด 1 วันเต็ม เพื่อเป็นการฝึกภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันของดิชั้น ด้วยเหตุนี้ ดิชั้นจึงใช้ภาษาอังกฤษกับคุณ ได้โปรดเข้าใจและจะขอบคุณมากหากคุณตอบโต้ด้วยภาษาอังกฤษกับดิชั้น" (ข้อความจริงๆ สั้นกว่านี้ แต่ความรวมๆ ก็ประมาณนี้แหละ)

เราเห็นการ์ดก็ถึงบางอ้อว่านางฝึกภาษาอังกฤษอยู่นี้เอง เอาซี่! มาลองสปีกกันดูสักตั้ง งูๆ ปลาๆ ดำน้ำไป ถามสบายดีไหม? ไปไหน? พ่อแม่ชื่ออะไร?(ถามเพื่อ?...ฮ่าๆๆๆ) ก็ชวนเพื่อนคุยๆ ไป ซึ่งก็เรื่องทั่วๆ ไปนั้นแหละ สุดท้ายก็ต้องวกกลับมาถามว่า แกใช้การ์ดอันนี้ ไม่โดนคนอื่นมองแปลกๆ บ้างเหรอ แน่นอนว่าคำตอบที่ได้จากนาง คือ การมองบน, ทำปากสระอิ และทำจมูกบานๆ พร้อมพ่นลมหายใจแรงๆ หนึ่งที
นางเริ่มต้นเล่าตั้งแต่ครั้งแรกที่นางใช้ English Day ด้วยการประเดิมจากป้าข้างบ้านว่า "กระแดะ" พร้อมกับเอาไปเม้ากันต่อว่า นางดัดจริต แค่ทำงานในเมืองทำเป็นหัวสูงพูดภาษาอังกฤษ บางทีก็จะถูกคนอื่นๆ มองว่าดัดจริตไปเลยก็มี บางคนดีๆ หน่อยก็จะเข้าใจ และพยายามพูดภาษาอังกฤษกับนาง
นางเล่าต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความอยากเม้าบวกกับความอัดอั้นที่นางต้องประสบพบเจอออกมาเยอะมากอีกหลายต่อหลายเรื่อง จนมาถึงเรื่องของคุณป้าส้มตำที่นางสนิท แล้วบิงโกต้องไปซื้อส้มตำในวัน English Day พอดี สิ่งที่นางคิดว่าป้าจะตอบไม่ได้หรือด่านาง...ตรงกันข้าม! คุณป้ากลับตอบภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว

"ยูๆ โทเมโทไหม? ซอล์ทแครป(ปูเค็ม)ออร์โน? โนสติ๊กกี้ไรส์ทูเดย์ จัสเฮฟอะขนมจีน ว้อนท์ไหม?" นางเล่าอย่างออกรส เล่าไปก็พาลขำกันด้วยความน่ารักของคุณป้า หลังจากวันนั้น เพื่อนต้าก็กลับไปซื้อส้มตำอีก เลยถามคุณป้าว่าทำไมถึงพูดได้ คุณป้าบอกเพื่อนต้าว่า มีฝรั่งมาซื้อส้มตำกับนางบ่อย ป้าเลยพอจะเข้าใจบ้าง แต่ช่วงแรกก็ไม่ได้เหมือนกัน จะพูดก็กลัวผิด อาศัยตอนฝรั่งมาก็ถามคนที่พูดได้ว่าอันนี้อันนั้นเรียกว่าอะไร พอต่อมา ก็พูดงูๆ ปลาๆ พูดไป ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง
ป้าให้มุมมองทิ้งท้ายกับเพื่อนต้าซึ่งดีมากๆ เลย คือ ป้าบอกว่า "ป้าเรียนมาน้อยลูก ไม่มีตังค์เรียนหรอก ก็อาศัยฝึกเอานอกห้องเรียนเนี่ยแหละ ผิดๆ ถูกๆ ก็พูดไป ผิดก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยจะได้รู้ว่ามันผิด ถ้าเอาแต่กลัวผิดก็ไม่ต้องทำมาหากินพอดี"

ชอบความคิดของคุณป้าส้มตำนะครับ เพราะว่าในโลกของการเรียนปัจจุบัน น้องๆ หนูๆ (รวมถึงตัวเราก็เป็นนะ) ในห้องเรียนที่ควรเรียน เรากลับไปจดจ่ออยู่กับเกรด, คะแนน, หรือการสอบ มากกว่าการนำสิ่งที่คุณครูสอนนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สุดท้ายตัวเราเองจึงกลายเป็นราชาโต๊ะสอบแทน พอทำการสอบได้ไม่ดีหรือมีเหตุการณ์ให้รู้สึกไม่ดีในห้องเรียน จิตใจก็ทำการต่อต้านการศึกษาไปโดยปริยาย  พาลให้วิชาต่างๆ ที่เราควรจะเรียนเพื่อนำไปใช้ชีวิต กลับถูกแพ็คใส่กล่องแล้วแรปพลาสติกใสส่งคืนกลับไปไหนก็ไม่รู้อย่างน่าเสียดาย

ช่วงนึง เราใส่ใจกับตัวเลข 2-3 ตัว ในการตัดสินค่าของชีวิตมากกว่าทักษะและความสามารถที่มี มองว่าน่าเสียดายก็น่าเสียดายนะครับ แต่ที่ผ่านมา ทำให้ต้ารู้สึกว่าบางหน่วยงานและบางบริษัท เริ่มให้ค่ากับตัวเลขเหล่านี้น้อยลงและหันมาใส่ใจกับแฟ้มผลงานและความสามารถมากขึ้น หลายๆ ครั้งที่ต้าได้คุยกับพี่ๆ HR หรือเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงานด้านนี้ก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คะแนนเหล่านี้เขาให้ยื่น เพื่อจะดูว่าจบการศึกษาจริงไหม ที่เหลือคือผลงานและความสามารถล้วนๆ

โชคดีของต้านิดหน่อยนะครับ ตั้งแต่ประถมจนถึงมหาลัยที่อาจารย์ที่ต้าได้เรียนด้วย หลายๆ ท่านมักจะหาวิธีการสอนและการนำเสนอให้เด็กสมาธิสั้นอย่างเราตั้งใจฟังและจดจำนำอะไรมาใช้ได้บ้าง แถมด้วยการเคี่ยวเข็ญให้คะแนนออกมาสวยงามพอที่จะเงยหน้าเชิดได้ตอนส่งใบคะแนนให้คนอื่นดู ยังคงนึกขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เราสามารถใช้ทำงานและเอาตัวรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ทำให้เราสนุกที่จะเรียนรู้และใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กัน โดยไม่ต้องกลัวผิดหรือถูก

แต่ถ้ามองมุมกลับ บางอย่างที่เราจำเป็นต้องใช้แต่ไม่มีสอนในโรงเรียนจะทำอย่างไรล่ะ? นี่แหละความชาญฉลาดของสิ่งมีชีวิตที่รู้จักปรับตัว เรียนรู้ และหาวิธีฝึกฝนให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น เมื่อถึงเวลาทุกคนจะหาวิธีในการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งเหล่านั้นไแ นั้นคือ สิ่งที่เราได้สั่งสมผ่านประสบการณ์ทำให้เราเข้มแข็งและแก่กล้าอยู่ได้ในสังคมนี้

ดังนั้น จะบอกว่าตัวเองหมดวัยเรียน ต้าว่ามันคงไม่ใช่หรอกเพราะคำว่า "เรียนรู้" มันไม่ใช่แค่ในห้องเรียนแล้ว อยู่ในบ้าน ห้าง วัด ข้างถนน หรือห้องน้ำ ก็เรียนรู้ได้ อยู่ที่เราเปิดหัว เปิดตัว เปิดใจ ที่จะเรียนรู้มันหรือเปล่า?
วันนี้ เรานึกเล่นๆ ดูสิครับว่าวันนี้มีอะไรทำไม่ได้บ้าง แล้วเราลองหาวิธีเรียนรู้ทักษะแล้วหรือยัง ถ้ายัง....เริ่มวันนี้ก็ไม่สายไปนะครับ เริ่มฝึกที่คำว่า #ฮัลโหล #แต๊งค์กิ้ว #กู๊ดบาย #คอนเฟิร์ม #นอทกู๊ดนะยูบ๊อกซิ่งมีเลย

#Apota

ความคิดเห็น